News

[News][bleft]

Article

[Article][bsummary]

Spoil

[Spoil][grids]

Video

[Video][twocolumns]

(บ่นความ) โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 6


Stone Ocean: "นี่ไม่ใช่จุดจบ นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้น"


ตอนนี้นี่ไม่ว่ายังไง ใครก็ต้องรู้จักการ์ตูนเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษกันเป็นอย่างดี เรื่องราวของการต่อสู้ไล่ล่ากันมาจากรุ่นทวดยันรุ่นโหลนเลยก็ว่าได้
ด้วยเนื้อเรื่องที่อ่านสนุก ดูมัน และในแต่ละภาคก็จะดำเนินเรื่องด้วย ตัวเอกและ theme เรื่องที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็จะยังเชื่อมโยงกันได้เป็นเรื่องเดียวกันอยู่ดี จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้แปลกออกไปจากเรื่องอื่นๆ และก็เป็นที่รักของหลายๆคนที่ติดตาม รวมถึงผมด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ทำ Anime จบภาค 5 แล้ว ส่วนใน Manga ก็ดำเนินเรื่องใน ภาคที่ 8 อยู่ ซึ่งก็เหมือนได้ข่าวเรื่องภาค 9 แล้วด้วยนะ
แต่บทความนี้ ผมจะขอพูดถึงภาค 6 แบบเน้นๆ ในเชิงรีวิวบวกกับบ่น เพราะมันเป็นอะไรที่พูดถึงได้เยอะมากกับภาคนี้




Stone Ocean
โดยภาคนี้ตัวเองของเราไม่ใช่ใครที่ไหนห่างไกลจากสายเลือด Joestar แถมยัง represent จากตัวเอกอันดับ 1 ของหลายๆคนอย่าง คูโจ โจทาโร่ อีกด้วย กับ คูโจ โจลีน
เอาจริงๆหลายคนอาจจะขอบายทันทีที่ได้เห็น first look ของโจลีนเลยก็ว่าได้ การที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงนี่ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกสำหรับโจโจ้มาก เพราะขึ้นชื่อว่าโจโจ้ สิ่งที่เรานึกถึงขึ้นมาอันดับแรกก็จะมีแต่ ผู้ชาย ระเบิดหมัด บ้าพลัง แต่สำหรับผมแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยิ่งสนใจเข้าไปอีกขั้น เพราะ อ.อารากิ (คนเขียน) แกเป็นคนที่กล้าฉีกกฎสไตล์ของการ์ตูน Manga หรือ Shonen Jump อยู่ได้ตลอด เพราะฉะนั้นอย่าบอกเลยครับว่ามันแปลกไป เพราะการ์ตูนเรื่องนี้มันแปลกตั้งแต่ตอนแรกแล้วครับ55555
หลายคนอาจมองว่า เฮ้ย ตัวเอกเป็นผู้หญิงแล้วมันจะไปหนักแน่นรุนแรงได้เหมือนกับภาคก่อนๆได้ไง ถึงจะมีบารมีเป็นลูกโจทาโร่ก็เถอะ แต่มันจะไปเหมือนภาคก่อนๆได้ไง
โห ผมบอกเลยครับและกล้าพูดด้วยว่า โจลีน เป็นโจโจ้ที่น่วมสุดกว่าโจไหนแล้ว 55555 ไม่ได้ฉลาดหลักแหลมมากนักเหมือนกับโจอื่น สแตนด์ของตนก็ไม่ได้ OP มากนัก เป็นคนเดียวที่โดนเล่นงานหนักกว่าใครเพื่อนเลย เลือดท่วมเกือบทุกครั้งที่สู้ แต่ทุกครั้ง โจลีนก็จะมีลูกเล่นและเซอร์ไพรส์มาให้เราอึ้งกันได้ตลอด เรียกว่าเป็นอะไรที่ลุ้นมาก มากกว่าโจอื่นจริงๆ




ผมกล้าพูดว่าโจลีนเป็นโจโจ้ที่มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นมากที่สุดในบรรดาโจโจ้ทุกคน เหตุผลหลักก็คงเป็นเพราะแรกเริ่มเดิมที โจลีนไม่ได้มีคาแรคเตอร์ตัวเอกสายลุยแบบที่เราเห็นจากโจโจ้คนก่อนๆ แหงสิ ก็นี่มันผู้หญิง 5555 ประเด็นที่จะพูดก็คือโจลีนพัฒนาจากวัยรุ่นสาวธรรมดาๆมากลายเป็นหญิงแกร่งตระกูลโจสตาร์ได้อย่างเต็มตัว นี่แหละครับคือสิ่งที่หลายคนต้องรักในตัวโจลีน


มาพูดถึง theme เรื่องหลักกันก่อนด้วยดีกว่า แน่นอน 5 ภาคที่ผ่านมาเรามีทั้ง บ้านทรายทอง สงคราม การเดินทาง ชีวิตคนเมือง และแก๊งสเตอร์ มาภาค 6 นี้ อารากิขอจัดให้แหวกกว่าเดิมเลย นั่นก็คือ theme คนคุกนั่นเองครับ 555555
กว่า 60-70% ของภาคนี้ดำเนินเรื่องในเรือนจำครับ คิดว่าคงเป็นสเกลดำเนินเรื่องที่เล็กสุดแล้วนะสำหรับโจโจ้ทั้ง 6 ภาค เทียบกับภาคก่อนๆที่เดินทางกันทั่วเมืองยันเที่ยวข้ามประเทศ ที่ชอบคือ อารากิแกเคยเขียนข้อมูลไว้ว่าแกต้องเรียนรู้ศึกษาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเรือนจำมา ก่อนที่จะเป็น Stone Ocean ภาคนี้ได้ ยอมใจเลย ถึงแม้ชีวิตคนคุกจะเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินเรื่อง แต่ถ้าหากได้อ่านอย่างละเอียดลึก เราจะพบว่า หัวใจหลักของภาคนี้ คือ แรงดึงดูด ครับผม

ทำไมถึงใช้คำว่าแรงดึงดูด?
เพราะ อารากิ แกใช้คำนี้เลย (ที่แปลไทยใช้คำนี้) แรงดึงดูดในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแม่เหล็กดูดกันหรือความหมายทางด้านวิชาการใดๆทั้งนั้น แต่มันคือแรงดึงดูด ที่นำพาผู้คนให้มาเจอกันได้ เสมือนโชคชะตา เหมือนกับพรหมลิขิต ที่ได้ลิขิตไว้อยู่แล้ว คำถามคือ ถ้าเรามีโจลีนเป็นตัวดำเนินเรื่องกับปัจจัยหลักของเรื่องอยากชีวิตคนคุก แล้วใครกันล่ะ ที่จะเป็นผู้ที่นำเสนอในเรื่องของแรงดึงดูดนี้
คนนั้นก็คือ ตัวร้ายหลักของเรื่อง อย่างบาทหลวงพุซซี่นั่นเองครับ


ถือว่าแปลกไปอีกขั้นกับการที่นำบาทหลวงมาเป็นตัวร้ายได้ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ เราเจอะเจอกับหลายตัวละครตัวร้ายที่เลวสุดขั้วมาเยอะมาก แต่ถ้าพูดถึงตัวร้ายอย่างพุซซี่ จะบอกว่าเขาเป็นคนเลวก็ใช่ว่าจะถูกไปหมด เพราะการกระทำที่เราได้เห็นจากตัวร้ายคนนี้ เป็นไปเพราะความเชื่อในการขึ้นสวรรค์ก็แค่นั้นเอง
มาถึงจุดนี้งงกันทุกคน อยู่ดีๆโจโจ้กลายเป็นการ์ตูนศาสนาสอนให้ขึ้นสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกได้คำเดียวว่าต้องไปหาอ่านจริงๆครับ ถึงจะเข้าใจในเหตุผลและเรื่องราวของบาทหลวงพุซซี่ ถ้าจะให้พูดแบบ non spoiler คงพูดถึงได้แค่นี้จริงๆ (สแตนด์บาทหลวงนี่ถือเป็นอะไรที่ทั้งเท่ทั้งแปลกและเว่อไปด้วยกันได้เลย คือสุดจะคิดจริงๆอะ)



มาถึงอีก 1 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในทุกภาคของเรื่องนี้ นั่นก็คือ กลุ่มเพื่อนตัวละครรองนั่นเองครับ มาภาคนี้ อารากิจัดให้แบบที่โคตรแหวกมาก แหวกตั้งแต่ดีไซน์ยันสแตนด์ แต่ยิ่งได้รู้จัก ก็กลับยิ่งหลงรักซะอย่างงั้น ไม่ว่าจะทั้ง JoBro อย่าง เอลเมสที่ทั้งฮาและทั้งโหด, ตัวรองอย่าง ฟูไฟเตอร์ ที่น่ารักแถมยังเก๋าเกมโคตร , ตัวละครที่ตอนแรกๆเหมือนจะแค่มาเสริมแต่ตอนหลังกลับเป็นโคตรตัวขโมยซีนกับ 2 หนุ่ม อนัสซี่และเวทเทอร์รีพอร์ตที่เต็มไปด้วยความลับกับความเท่อย่างลงตัว และเด็กชายปริศนาอย่างเอ็มโพริโอ้ ที่คอยเป็นกุญแจ,แผนที่นำทางให้ทีมนี้ได้ตลอด
ถึงแม้จะเป็นทีมที่ไม่เพอร์เฟคเหมือนกับภาคอื่นๆ แต่ด้วยความที่มันไม่เพอร์เฟคนี่แหละครับ จึงเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มตัวละครกลุ่มนี้ (ในบรรดา 8 ภาคที่อ่านและดูมา กลุ่มเพื่อนภาคนี้แหละครับที่ผมชอบที่สุดแล้ว)


อีกระเทย มึงสิอีกระเทย


แน่นอนในเมื่อภาคนี้ ดำเนินเรื่องโดยลูกสาว มีหรือที่คุณพ่อจะไม่มา จะเป็นใครไปไม่ได้ครับ นอกจากพระเอกยอดฮิตตลอดกาลอย่าง คูโจ โจทาโร่นั่นเอง



กลับมาภาคนี้ในบทของคุณพ่อวัย 40 ปี (แต่หน้าเด็กกว่าภาคก่อนๆอีก) ซึ่งถ้าถามว่าโจทาโร่ในภาคนี้เป็นอย่างไร มาเยอะมั้ย คงต้องตอบคำถามแรกก่อนเลยว่า แอบผิดหวังอยู่หน่อย แต่ข้อที่ทำให้ผมผิดหวังนี้ กลับทำให้ผมมองโจทาโร่ในฐานะตัวละครที่เติบโตขึ้นไปอีกขั้น (ตกลงมันเป็นข้อเสียหรือมันเป็นข้อดี5555)
ด้วยอายุ 40 แล้ว จะให้มาเป็นนักเลงนิสัยห้าวเหมือนตอน ภาค 3 ก็คงไม่ไหว สิ่งที่ผมได้เห็นในตัวโจทาโร่ภาคนี้ คือโจทาโร่ที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูมีวุฒิภาวะขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ที่เห็นได้ชัดและสำคัญที่สุดนั้นก็คือ ความรักของพ่อครับ มันไม่ใช่ความรักแบบที่ว่าพ่อโอ๋เอ๋ลูก หรือตามอกตามใจ เอาจริงๆโจทาโร่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้โจลีนเห็นเลยด้วยซ้ำถึงความรักที่กล่าวไป แต่เราจะสัมผัสได้ว่าลึกๆแล้วโจทาโร่นั้น รักและเป็นห่วงลูกสาวยิ่งกว่าใครในสามโลกอีก ถึงแม้จะยังคีพลุคพระเอกสายขรึมเหมือนเดิม แต่ความรักต่อโจลีนเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดจากภาคนี้เลยครับ แก่และเติบโตขึ้นจริงๆโจทาโร่ 55555

เทียบภาค 3 กับภาค 6 สาบานนะว่าคนเดียวกัน

ย้อนกลับมาถึงการดำเนินเรื่องซักหน่อย ถ้าเรานึกถึงการดำเนินเรื่องในโจโจ้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มตอนมาด้วยปริศนาแล้วเดี๋ยวก็ถูกเล่นงานบ้างล่ะ เดี๋ยวอยู่ดีๆเพื่อนก็หายไปบ้างล่ะ บางทีก็จากฝีมือใครก็ไม่รู้ แต่กลุ่มตัวเอกของเราก็จะหาทางจัดการได้อยู่เสมอ ฟังดูแล้วก็เหมือนเป็นมุกเดิมๆ แต่กลับเป็นเอกลักษณ์และที่จำได้กันทุกตอน เรียกจุดนี้ได้ว่าสเน่ห์อย่างนึงของโจโจ้ที่ยากจะเทียบเทียมและเลียนแบบ



แต่มาภาคนี้ บอกได้เต็มปากและมือที่พิมพ์นี้อยู่เลยครับ ว่าต่างกับภาคก่อนๆที่ผ่านมามากกกก อย่างที่บอกไปข้างต้น สไตล์เรื่องก็ประมาณเดิมครับ ไขความลับสแตนด์และหาวิธีจัดการ แต่กับภาคนี้ บอกเลยว่ากว่าจะสู้เขาได้เนี่ย เล่นเอาเลือดซก เละเทะสะบักสะบอมกันแทบทุกคน ภาคก่อนๆนี่เราจะเห็นว่าพวกฝั่งดีก็จะเอาชนะกันได้หลายคนหลาย เป็นบางครั้งด้วยซ้ำที่ชนะมาได้ชิวๆ แต่กับภาคนี้บอกเลย ยับมาก 55555 กว่าจะพลิกสถานการณ์มาได้ เล่นเอาช่อง 2 ช่องสุดท้ายใน Manga ถ้าเป็นเมะนี่คง 5-6 วิสุดท้าย คือลุ้นมาก เป็นแค่หนังสือการ์ตูนแท้ๆแต่ทำให้ลุ้นได้ขนาดนี้ ต้องขอชมจุดนี้อีกจุดเลย

สำหรับ Stone Ocean ผมคงพูดถึงได้เท่านี้ เนื่องจากทั้งหมดที่กล่าวมา คือบทความแบบปลอดภัยไร้สปอยล์ ซึ่งต่อจากนี้เป็นต้นไป จะเป็นการสปอยล์และบ่นไปด้วยซะส่วนใหญ่ หากใครที่ยังไม่เคยอ่านและไม่ต้องการรับรู้เกี่ยวกับเนื้อหาสปอยล์ส่วนนี้ ขอให้ปิดหน้าจอนี้ไปเลยครับ เพราะตั้งแต่นี้เป้นต้นไป มีสปอยล์เนื้อหาตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆครับ 



มาถึงช่วงบ่น (ใครไม่เอาสปอยล์ ออกเลยครับ)
เตือนแล้วน้าาา ว่าสปอยล์ยันตอนจบของเรื่อง เพราะฉะนั้น ปิดครับถ้าไม่อยากรับรู้ เพราะจุดแรกที่ผมจะพูดคือ ตอนจบของเรื่องเลย


เตือนแล้วนะครับ มา
หลังจากอ่าน Stonce Ocean จบแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมทำครับ
ผมกลับไปอ่านเล่มสุดท้ายอีกรอบจนถึงตอนจบ
แล้วก็กลับไปอ่านเล่มสุดท้ายอีกรอบจนถึงตอนจบ
ครับ ทำแบบนี้ 10 กว่ารอบในวันนั้นครับ ยิ่งกว่าโดน Requiem เพราะอันดับแรกเลยคือผมทำใจไม่ได้อย่างแรงกับตอนจบแบบนี้! 5555555
คือช็อคมาก ช็อคแบบงง ช็อคแบบใจหาย คือทุกอารมณ์ที่ช็อค งงตรงอารากิแกฆ่ากลุ่มตัวเอกหมดไม่พอ แกยังรีเซ็ททุกอย่าง รีเซ็ท 6 ภาคที่ผ่านมานี้ให้หายไปอีก หายไปเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สัตว์ประหลาดตัวไหนถึงกล้าทำได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่อารากิ 555555 จากที่เราดูโจโจ้มา 5 ภาค สิ่งที่เราได้จากตอนจบคือตอนจบที่ดี ตัวร้ายถูกจัดการ ทุกอย่างสานต่อไปในรุ่นต่อๆไป แต่กับ Stone Ocean แม่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก คือไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้ เปลี่ยนตัวเอกเป็นผู้หญิงแล้วไงอะ กูรีเซ็ทจักรวาลแม่งเลย ใจพอ เอาซะเป็น New52 5555555
แรกๆคืองงโคตรอะ คือคุณลบ 6 ภาคนี้ออกไปหมดเลย แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรในการตามต่อล่ะ แต่พอเวลาผ่านไปซักพักก็เริ่มเปิดใจรับถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ครับ เอาวะ ไหนๆก็กล้าทำขนาดนี้ ก็กล้าอ่านและติดตามต่อไป

มาตรงนี้คือโคตรพ่อโคตรแม่ช็อค

สิ่งนึงที่อยากบ่นและอยากรักมากอีก นั่นก็คือโจทาโร่นี่แหละครับ นอกจากสแตนด์จะโดนเนิร์ฟพลังหยุดเวลาให้เหลือ 5-6 วินาทีจริงๆแล้ว (จากแต่ก่อนที่ได้ 2 วิแต่บ่นเกือบ 10 นาที) โจทาโร่นีรักลูกเหลือเกิน รักจนโดนเอาดิสค์ออก รักจนพลาดท่าทุกรอบ รักจนเสียโอกาสจัดการพุซซี่ ทั้งๆที่โจลีนมันเคยโดนซ้อมหนักกว่าตอนอยู่กับโจทาโร่แท้ๆ 55555 แต่ด้วยความรักของพ่อที่กล่าวไว้นี่แหละครับ ยอมทุกอย่างเพื่อให้ลูกไม่เป็นอะไร เชื่อยากนะว่าสิ่งนี้คือนิสัยของโจทาโร่จริงๆอะ



และกับบาทหลวงพุซซี่ครับ มาครึ่งแรก ผมชอบมาก ตรงคาแรคเตอร์แกที่ดูนิ่ง ขรึม แถมแบคสตอรี่กับดิโอ ที่ลึกลับน่าค้นหา อะไรคือวิธีการไปสววรค์ที่แท้จริง และแรงดึงดูดกับโชคชะตานี้มีจริงหรือ? แต่พอเริ่มมาช่วงกลางๆไปจนถึงตอนจบ บาทหลวงพุซซี่ กลายเป็นคนปากมากเหมือนนักมวยปล้ำ WWE โม้ตลอด โม้ไม่หยุด น่ารำคาญมาก โม้เกี่ยวกับโชคชะตาแรงดึงดูดได้ไม่หยุด คือพอมันโชคช่วยรอดมาได้ ก็เอาแต่พูดถึงแรงดึงดูดนี้ คือกลายเป็นน่ารำคาญมากก สแตนด์มันก็แบบ โอเค ไวท์ สเนคนี่พอเข้าใจ กำลังดี แต่พอมาซีมูนกับเมดอินเฮเวนนี่แหละครับ โคตร OP โคตรเทพทรู โห โคตรเกลียดจริงๆอะ บาทหลวงพุซซี่เนี่ย
แต่นี่แหละครับตัวร้าย สร้างมาเพื่อให้เราเกลียด ก็ถูกจุดประสงค์แล้วนะ 55555


มาถึงตัวละครรอง
-เอลเมสคือเท่มาก มาตอนแรกนี่ยังไงก็ตัวประกอบชัดๆแต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ใช้คิสได้โหดจริงๆ
-ฟูไฟเตอร์ เด๋อมากน่ารัก แต่ก็โคตรฉลาดเวลาสู้ แอบขโมยซีนอยู่หลายครั้ง ถึงจะเป็นสแตนด์แต่ก็มีมิติที่ลึกมาก โคตรเสียดายที่อารากิฆ่าตัวนี้
-อนัสซี่ มาตอนแรกอารากิวาดเป็นผู้หญิง 555555555 เป็นอีกคนที่มาดเท่มาก คือเรามองข้ามเรื่องดีไซน์ชุด ที่หลายคนอาจคิดว่าเห่บได้ เป็นคนที่น่วมน้อยสุดแล้วล่ะมั้งในกลุ่มภาคนี้
-ส่วนอีกตัวละครที่ยังไงก็ไม่พูดถึงไม่ได้นี่ ต้องยกให้ เวทเทอร์รีพอร์ตจริงๆ คือแม่งเท่มาก เป็นคนที่มีปูมหลังลึกล้ำสุดแล้ว รักทรหดมาก แบคสตอรี่ชวนหักมุมจริงๆ แถมถึงขนาดจะตายไปแล้ว บารมีความเท่ยังตกไปอยู่ที่ตัวเอ็มโพริโอ้เลย (ตอนใส่ดิสค์ของเวทเทอร์)
-เอ็มโพริโอ้ มาซะลึกลับเลยตอนแรกๆ แต่ก็ถือเป็นเดอะแบกของทีมจริงๆ ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ เนื้อเรื่องคงขาดสีสันไปเยอะเลย
ส่วนตัวร้าย(ลูกน้อง) หลายคน ไม่ค่อยน่าจดจำมากเท่าไหร่สำหรับผม ที่ชอบสุดคงเป็น ผู้คุมเวสต์วู้ด,อากงฮวงจุ้ยและ ผู้คุมมิวนี่แหละครับ
ส่วนลูกๆของดิโอ อย่าพูดถึงเลยครับ ลืมไปเถอะนะ 55555


จากทุกสิ่งที่เริ่มมาตั้งแต่หน้ากากหินยันการรีเซ็ทจักรวาล เรื่องราวที่ดำเนินมาถึง 6 ภาคนี้
หากเรามองลึกๆแล้ว นี่ไม่ได้เป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้นใหม่ของจักรวาลโจโจ้ เพราะทุกอย่างถึงแม้จะเป็นการรีเซ็ทเริ่มใหม่ก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นการสานต่อจากสิ่งที่ 6 ภาคนี้ทำมานั่นเองครับ
จบกันแล้วสำหรับบ่นความของ Stone Ocean หากมีจุดที่อยากบ่นเพิ่ม ก็คงมาเพิ่มเองครับ 555555 ส่วนภาคต่อไปที่จะเขียน ไม่ใช่ภาคไหนไกลครับ แต่เป็นเรื่องราวบทใหม่อย่าง ภาค 7 ภาคที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าสมบูรณ์แบบและครบรสที่สุด แต่สำหรับโพสต์นี้ คงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหรือสปอยล์ต่อไป สวัสดีครับ 😉
T.



(ทำไมไม่วาดฟูไฟเตอร์วะ)







No comments: